วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ดอกนมตำเลีย

นมตำเลีย

นมตำเลีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Hoya latifolia G.Don ส่วนอีกข้อมูลระบุว่าเป็นชนิด Hoya ovalifolia Wight & Arn. โดยจัดอยู่ในวงศ์ตีนเป็ด (APOCYNACEAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยนมตำเลีย (ASCLEPIADOIDEAE หรือ ASCLEPIADACEAE)
สมุนไพรนมตำเลีย มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า เนื้อมะตอม (ภาคเหนือ), นมตำเรีย นมมาเลีย (ภาคกลาง) สังวาลพระอินทร์, ต้างเป็นต้น

ลักษณะของนมตำเลีย

  • ต้นนมตำเลีย เป็นหนึ่งในพืชสกุลโฮย่า (Hoya) โดยจัดเป็นพรรณไม้เลื้อยอิงอาศัยขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่ลำต้นต้องอาศัยเกาะกับต้นไม้ใหญ่อื่น ๆ มีรากตามข้อลำต้น ทุกส่วนของต้นมีน้ำยางสีขาว ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ตอน หรือปักชำ ชอบที่ร่ม มีความชื้นและแสงแดดพอประมาณ มีเขตการกระจายพันธุ์ในอินเดีย ศรีลังกา พม่า ส่วนในประเทศไทยพบได้ทุกภาคของประเทศ โดยมักขึ้นตามต้นไม้ใหญ่ในป่าเบญจพรรณทั่วไป และแถว ๆ ริมแม่น้ำ
ต้นนมตำเลีย
  • ใบนมตำเลีย ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามเป็นคู่ ๆ ไปตามข้อต้น ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ถึงรูปรี แผ่นใบหนา อวบน้ำ และเป็นมัน ปลายใบแหลม โคนใบมนหรือบางทีเว้าเป็นรูปหัวใจ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 4-10 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-12 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้มหรือสีเขียวอมแดง ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ก้านใบใหญ่ยาวประมาณ 0.6-1.2 เซนติเมตร
ใบนมตำเลีย
  • ดอกนมตำเลีย ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ ช่อดอกค่อนข้างกลมคล้ายซี่ร่ม ก้านช่อดอกยาวประมาณ 1-2 นิ้ว ดอกย่อยมีขนาดเล็ก ประมาณ 0.6-0.8 เซนติเมตร กลีบดอกมี 5 กลีบ อวบมันคล้ายทำด้วยเทียนหรือขี้ผึ้ง แต่ละพันธุ์จะมีลักษณะของดอกและสีของกลีบดอกแตกต่างกันออกไป เช่น พันธุ์กลีบดอกเป็นสีชมพู สีแดง สีขาว สีเหลือง เป็นต้น
รูปนมตำเลีย
ดอกนมตำเลีย
รูปดอกนมตำเลีย
  • ผลนมตำเลีย ออกผลเป็นฝักยาว และมีขนขึ้นปกคลุมทั่วฝัก ฝักมีขนาดกว้างประมาณ 0.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 14-15 เซนติเมตร ภายในมีเมล็ดขนาดเล็ก แบน รูปไข่ มีขนเป็นพู่ที่ปลาย
ฝักนมตำเลีย

สรรพคุณของนมตำเลีย

  • ยางจากต้นใช้ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ

ประโยชน์ของนมตำเลีย

  • นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป รูปทรงของต้น ใบ และดอก ดูกะทัดรัดและงดงาม นมตำเลียเป็นพรรณไม้ขนาดเล็กเหมาะสำหรับปลูกใส่ในกระถางแขวนแล้วปล่อยให้เลื้อยห้อยระย้าลงมาดูสวยงาม หรือจะปลูกให้เลื้อยเกาะขึ้นกับต้นไม้อื่นหรือขอบไม้ก็ได้ ส่วนการเพาะปลูกก็ทำได้ไม่ยากนัก แต่ควรปลูกในที่ร่มรำไร ต้องการน้ำและความชื้นสูง การให้น้ำควรให้โดยการใช้สเปรย์ฉีดพ่นเป็นฝอย ๆ ส่วนดินที่ใช้ปลูกควรเป็นดินร่วนหรือดินร่วนที่มีส่วนผสมของขี้เถ้าแกลบ เพื่อให้มีการระบายน้ำได้ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น